Customize Consent Preferences

We use cookies to help you navigate efficiently and perform certain functions. You will find detailed information about all cookies under each consent category below.

The cookies that are categorized as "Necessary" are stored on your browser as they are essential for enabling the basic functionalities of the site. ... 

Always Active

Necessary cookies are required to enable the basic features of this site, such as providing secure log-in or adjusting your consent preferences. These cookies do not store any personally identifiable data.

Functional cookies help perform certain functionalities like sharing the content of the website on social media platforms, collecting feedback, and other third-party features.

Analytical cookies are used to understand how visitors interact with the website. These cookies help provide information on metrics such as the number of visitors, bounce rate, traffic source, etc.

Performance cookies are used to understand and analyze the key performance indexes of the website which helps in delivering a better user experience for the visitors.

Advertisement cookies are used to provide visitors with customized advertisements based on the pages you visited previously and to analyze the effectiveness of the ad campaigns.

Skip to content Skip to footer

ยกระดับจิตสำนึกพนักงาน สร้างวัฒนธรรมองค์กรตระหนักภัยไซเบอร์

ในโลกดิจิทัลที่ภัยคุกคามทางไซเบอร์ทวีความรุนแรงและซับซ้อนยิ่งขึ้น ข้อมูลจากการ์ทเนอร์ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายสำคัญที่องค์กรกำลังเผชิญ เมื่อพนักงานถึง 93% รับทราบถึงพฤติกรรมของตนเองที่อาจนำมาซึ่งความเสี่ยง และน่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ 74% ยอมที่จะละเมิดนโยบายความปลอดภัยเพื่อบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าแนวทางการสร้างความตระหนักรู้แบบเดิมๆ อาจไม่เพียงพอต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเสี่ยงเหล่านั้นอย่างยั่งยืน

Leigh McMullen รองประธาน นักวิเคราะห์ และ Gartner Fellow ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอด ซึ่งได้นำเสนอแนวคิดอันน่าสนใจภายใต้หัวข้อ “ปลุกสำนึกพนักงานให้เห็นความสำคัญของความเสี่ยงไซเบอร์มากขึ้น” เพื่อเป็นแนวทางให้องค์กรต่างๆ ปรับกลยุทธ์ในการเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยที่เข้มแข็งและยั่งยืน

แม้ว่าองค์กรส่วนใหญ่จะทุ่มเททรัพยากรไปกับการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์และการลดความเสี่ยง แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับไม่เป็นที่น่าพอใจนัก สาเหตุสำคัญไม่ได้อยู่ที่การขาดความเข้าใจในหลักการพื้นฐาน แต่เป็นเพราะพนักงานส่วนใหญ่มองข้ามผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับตนเองและองค์กร พวกเขาคุ้นชินกับการหาทางลัดในการทำงาน ซึ่งรวมถึงการละเลยมาตรการความปลอดภัยโดยไม่ได้ตระหนักถึงผลลัพธ์ที่ตามมาอย่างแท้จริง

เพื่อแก้ไขปัญหานี้ องค์กรจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนมุมมองและสร้างการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมอย่างจริงจัง ผู้บริหารด้านความปลอดภัยต้องก้าวข้ามกรอบของการสื่อสารเชิงเทคนิค ไปสู่การสร้างความรู้สึกร่วมและความเข้าใจในระดับบุคคล เพื่อให้พนักงานตระหนักถึงความเสี่ยงทางไซเบอร์ในฐานะที่เป็นเรื่องใกล้ตัวและมีผลกระทบที่จับต้องได้ นอกเหนือจากการบังคับใช้บทลงโทษ องค์กรควรให้ความสำคัญกับการสร้างกลไกเชิงวัฒนธรรมที่อาศัยแรงกดดันจากกลุ่มเพื่อนร่วมงานและการปลูกฝังค่านิยมที่ถูกต้อง

ตัวอย่างที่น่าสนใจในอดีตคือแคมเปญ “ปากพล่อย พลอยล่มจม” ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองของสหรัฐอเมริกา ซึ่งสามารถสร้างความตระหนักถึงผลกระทบของการเปิดเผยข้อมูลแม้เพียงเล็กน้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเชื่อมโยงการกระทำของแต่ละบุคคลเข้ากับผลลัพธ์ที่ร้ายแรงต่อส่วนรวม ในบริบทขององค์กรปัจจุบัน คำถามที่น่าพิจารณาคือ เราจะออกแบบโปรแกรมด้านพฤติกรรมและวัฒนธรรมความปลอดภัยอย่างไรให้มีประสิทธิภาพเทียบเท่า

หัวใจสำคัญคือการทำให้พนักงานตระหนักว่าการละเมิดนโยบายความปลอดภัยไม่ใช่เพียงแค่การฝ่าฝืนกฎระเบียบ แต่เป็นการกระทำที่ “ไม่ภักดีต่อองค์กร” โดยเน้นย้ำถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับตัวพวกพนักงานเอง วิธีการที่มีประสิทธิภาพในการบรรลุเป้าหมายนี้คือการใช้ภาพที่สื่อความหมายและข้อความที่กระชับแต่ทรงพลัง เพื่อกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองทางอารมณ์และสร้างความตระหนักในระดับจิตใต้สำนึก

การสื่อสารที่ชัดเจนและเข้าถึงง่ายเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นผ่านโปสเตอร์ อินโฟกราฟิก จดหมายข่าว หรือการสื่อสารผ่านเว็บพอร์ทัลต่างๆ รวมถึงการที่ผู้นำระดับสูงขององค์กรออกมาเน้นย้ำถึงความสำคัญของค่านิยมด้านความปลอดภัยที่มีต่อความสำเร็จของบริษัท

หลักการสำคัญสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ยั่งยืน

  • เชื่อมโยงการกระทำกับผลกระทบอย่างใกล้ชิด : มนุษย์มีแนวโน้มที่จะหลีกเลี่ยงอันตราย ดังนั้นการทำให้ผลลัพธ์ของการตัดสินใจด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ทั้งในเชิงบวกและเชิงลบมีความชัดเจนและเกี่ยวข้องกับตัวบุคคลจึงเป็นสิ่งสำคัญ ควรเน้นที่ “ผลกระทบ” ซึ่งเปิดโอกาสให้มีการสื่อสารในเชิงบวกได้มากกว่า “ผลที่ตามมา”
  • ส่งเสริมแบบอย่างที่ดีและเน้นย้ำผลกระทบเชิงบวก : การนำเสนอเรื่องราวความสำเร็จของบุคคลที่ปฏิบัติตามแนวทางความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด จะช่วยสร้างความเข้าใจและเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นปฏิบัติตาม
  • ต่อยอดค่านิยมที่มีอยู่เดิมในองค์กร : การเชื่อมโยงความปลอดภัยทางไซเบอร์เข้ากับค่านิยมหลักขององค์กร เช่น ความปลอดภัยในภาคพลังงาน ความมั่นคงทางการเงินในภาคการเงิน หรือคุณภาพในการผลิต จะช่วยให้การปลูกฝังความเชื่อใหม่เป็นไปได้ง่ายขึ้น
  • ขยายผลด้วยแรงกดดันทางสังคม : การสื่อสารที่เน้นย้ำถึงผลกระทบของการกระทำที่ไม่ปลอดภัยต่อผู้อื่น สามารถสร้างแรงกดดันทางสังคมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูงหรือมีวัฒนธรรมความปลอดภัยทางกายภาพที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว
  • ทำให้เป็นเรื่องส่วนบุคคล : การสื่อสารที่ทำให้พนักงานสามารถจินตนาการถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับตนเองหรือคนที่พวกเขารัก จะช่วยให้เกิดความตระหนักและความเข้าใจในความเสี่ยงได้มากขึ้น การใช้ภาพที่สร้างความเห็นอกเห็นใจสามารถเสริมสร้างการสื่อสารประเภทนี้ได้
  • ทำให้สนุก : การนำอารมณ์ขันมาใช้ในการสื่อสาร แม้ว่าอาจเป็นเรื่องท้าทาย แต่หากทำได้อย่างเหมาะสม จะช่วยให้ข้อความน่าจดจำและสร้างความประทับใจได้ยาวนาน

การสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เข้มแข็งต้องอาศัยความมุ่งมั่นและความพยายามอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับที่ “ความตระหนักรู้” เพียงอย่างเดียวไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยได้ องค์กรต้องสร้างการเชื่อมโยงระหว่างการกระทำและผลลัพธ์ที่ชัดเจน เพื่อให้พนักงานทุกคนตระหนักถึงบทบาทและความรับผิดชอบของตนเองในการปกป้องทรัพย์สินและชื่อเสียงขององค์กร การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพจะต้องเชื่อมโยงกับผลที่ตามมา ขยายผลด้วยแรงกดดันทางสังคม ต่อยอดจากค่านิยมที่มีอยู่เดิม สร้างความเกี่ยวข้องกับตัวบุคคล และอาจสอดแทรกความสนุกสนาน เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเสี่ยงเป็นไปอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้สามารถเข้าร่วมกิจกรรมสัมมนา การให้ความรู้และคำแนะนำ ข้อมูลต่าง ๆ จากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญได้ในงานมหกรรมการเงินกรุงเทพ ครั้งที่ 25 MONEY EXPO 2025 BANGKOK ภายใต้แนวคิด “Resilient Wealth” ที่วารสารการเงินธนาคาร จัดขึ้นในวันที่ 15-18 พฤษภาคม 2568 ชาเลนเจอร์ 2-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี  โดยเปิด 7 โซนบริการด้านการเงินการลงทุนครบวงจร พร้อมขนทัพแคมเปญโปรโมชั่นสุดพิเศษจากธนาคาร/สถาบันการเงิน/บล.บลจ./ บริษัทประกัน/หน่วยงานภาครัฐและเอกชนคับคั่ง พร้อมกิจกรรมสัมมนาจากกูรูชื่อดังแถวหน้าของเมืองไทย  และกิจกรรมความบันเทิงมากมาย