Customize Consent Preferences

We use cookies to help you navigate efficiently and perform certain functions. You will find detailed information about all cookies under each consent category below.

The cookies that are categorized as "Necessary" are stored on your browser as they are essential for enabling the basic functionalities of the site. ... 

Always Active

Necessary cookies are required to enable the basic features of this site, such as providing secure log-in or adjusting your consent preferences. These cookies do not store any personally identifiable data.

Functional cookies help perform certain functionalities like sharing the content of the website on social media platforms, collecting feedback, and other third-party features.

Analytical cookies are used to understand how visitors interact with the website. These cookies help provide information on metrics such as the number of visitors, bounce rate, traffic source, etc.

Performance cookies are used to understand and analyze the key performance indexes of the website which helps in delivering a better user experience for the visitors.

Advertisement cookies are used to provide visitors with customized advertisements based on the pages you visited previously and to analyze the effectiveness of the ad campaigns.

Skip to content Skip to footer

Refinance VS Retention เลือกแบบไหนประหยัดดอกเบี้ยกู้บ้าน

การผ่อนสินเชื่อบ้านในช่วง 3 ปีแรก ธนาคารมักจะคิดอัตรา ดอกเบี้ย พิเศษที่ค่อนข้างต่ำ แต่เมื่อพ้น 3 ปีแล้วอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านจะเปลี่ยนเป็นแบบลอยตัวที่สูงขึ้น เพื่อให้บรรเทาภาระทางการเงินจึงมีทางเลือกเพื่อให้อัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง 2 รูปแบบคือ รีไฟแนนซ์ () และ รีเทนชั่น () แต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง

รีเทนชัน ()

เป็นการขอให้เจ้าหนี้ปัจจุบันลดอัตราดอกเบี้ยให้ ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ยุ่งยาก เพราะไม่ต้องยื่นเอกสารเหมือนยื่นกู้กับเจ้าหนี้รายใหม่แบบรีไฟแนนซ์ และหากเป็นลูกหนี้ดี ไม่มีประวัติค้างชำระ มักจะได้รับอนุมัติจากธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้ไปอีกประมาณ 3 ปี แต่หากดอกเบี้ยที่ได้รับใหม่ลดลงเพียงเล็กน้อย ก็อาจลองใช้วิธีรีไฟแนนซ์ หรือการเปลี่ยนเจ้าหนี้ โดยหาธนาคารเจ้าใหม่ที่ให้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า

ขั้นตอนการรีเทนชั่น

  • ติดต่อธนาคารเดิม เพื่อแจ้งความต้องการขอรีเทนชั่นหรือปรับเงื่อนไขสินเชื่อ พร้อมแสดงข้อเสนอที่ได้รับจากธนาคารอื่น (ถ้ามี)
  • ทบทวนเงื่อนไข พิจารณาข้อเสนอใหม่ว่าตรงตามความต้องการหรือไม่ สามารถต่อรองเพิ่มเติมได้
  • ทำสัญญาใหม่ หากตกลงตามเงื่อนไขที่เสนอ จะมีการทำสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้หรือสัญญาใหม่

ที่มา : ttb

รีไฟแนนซ์ ()

เป็นทางเลือกเพื่อลดอัตราดอกเบี้ยอีกวิธีหนึ่งที่ลูกหนี้สินเชื่อบ้านนิยมใช้ ซึ่งแต่ละธนาคารจะมีโปรโมชันเพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่ให้มาใช้บริการสินเชื่อด้วยการให้อัตราดอกเบี้ยต่ำในช่วง 3 ปีแรก ยิ่งหากอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าเจ้าหนี้ปัจจุบัน ก็จะช่วยให้ลูกหนี้ประหยัดดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายไปได้อย่างน้อยในช่วง 3 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ดี ก่อนตัดสินใจรีไฟแนนซ์ ควรเปรียบเทียบระหว่างอัตราดอกเบี้ยที่ประหยัดได้ กับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการรีไฟแนนซ์ก่อนว่าคุ้มค่าหรือไม่

  • ดอกเบี้ยที่ประหยัดได้ คำนวณได้จากการเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยของธนาคารเดิมกับธนาคารใหม่
  • ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการรีไฟแนนซ์ เป็นการคำนวณว่าหากรีไฟแนนซ์ มีค่าใช้จ่ายอะไรที่เราต้องจ่ายบ้างและเป็นเงินเท่าไหร่ เช่น

1. ค่าปรับกรณีไถ่ถอนสินเชื่อก่อนกำหนด (Prepayment fee) เป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายให้แก่ธนาคารเดิมหากผู้กู้ไถ่ถอนสินเชื่อที่อยู่อาศัยก่อนระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งมักจะเป็นช่วงภายใน 3 ปีหรือ 5 ปีนับจากวันทำสัญญา

2. ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการขอสินเชื่อ เมื่อเราจะรีไฟแนนซ์ไปธนาคารใหม่ ธนาคารใหม่ก็จะคิดค่าใช้จ่ายเช่นเดียวกับการขอสินเชื่อใหม่ เช่น ค่าประเมินหลักประกัน ค่าจดจำนองหลักประกัน ค่าอากรแสตมป์

ข้อควรระวัง ธนาคารบางแห่งอาจเสนอโปรโมชันยกเว้นค่าใช้จ่ายบางอย่างแก่ลูกค้า เช่น ค่าธรรมเนียมจดจำนองหลักประกันแก่ลูกค้า แต่หากลูกค้าไปรีไฟแนนซ์กับธนาคารอื่นก่อนระยะเวลา 3 ปี ก็จะต้องคืนค่าใช้จ่ายนั้น ซึ่งในกรณีนี้คือค่าธรรมเนียมจดจำนองที่ธนาคารได้ชำระแทนลูกค้าไปแล้วคืนให้ธนาคารด้วย เราก็ต้องเอาค่าใช้จ่ายนี้มาคำนวณหากต้องการรีไฟแนนซ์ก่อนหมดช่วงเวลาที่กำหนดในคราวหน้า

ตัวอย่าง คำนวณความคุ้มค่าว่าควรรีไฟแนนซ์ดีหรือไม่

ยอดเงินต้นคงเหลือของสินเชื่อบ้านที่มีอยู่กับธนาคาร A จำนวน 2 ล้านบาท โดยผ่อนมาแล้ว 2 ปี อัตราดอกเบี้ย 5.8% ต่อปี ในสัญญากำหนดว่าจะคิดค่าปรับในอัตรา 3% หากผู้กู้ไถ่ถอนก่อนกำหนดในระยะเวลา 3 ปีแรกนับจากวันทำสัญญา

ธนาคาร B เสนออัตราดอกเบี้ยพิเศษ เท่ากับ 3.9% ต่อปี เป็นระยะเวลา 3 ปี ซึ่งผู้ขอสินเชื่อจะต้องชำระค่าประเมินหลักประกัน 5,000 บาท ค่าจดจำนองหลักประกัน (1% ของวงเงินจำนอง สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท) ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงินสินเชื่อ สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท
*ค่าใช้จ่ายและอัตราต่าง ๆ เป็นเพียงตัวอย่าง ควรสอบถามข้อมูลจากธนาคารที่ท่านสนใจ

จากตัวอย่าง จะเห็นว่าดอกเบี้ยที่ประหยัดได้มากกว่าค่าใช้จ่ายที่จะต้องเสีย ในกรณีนี้จึงมีความคุ้มค่าที่จะรีไฟแนนซ์ไปยังธนาคารใหม่ แต่หากเห็นว่าประหยัดไปเพียงเล็กน้อย และต้องเสียเวลาในการดำเนินเรื่อง ก็อาจจะรอให้ครบสัญญา 3 ปีก่อน เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียค่าปรับกรณีไถ่ถอนสินเชื่อก่อนกำหนด

ทั้งการรีเทนชันและการรีไฟแนนซ์เป็นทางเลือกเพื่อให้ได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง ทำให้ภาระดอกเบี้ยไม่สูงจนเกินไป หรือค่างวดไม่สูงขึ้นจนไม่มีเงินพอสำหรับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ หรือกระทบกับเป้าหมายต่าง ๆ ในชีวิต ซึ่งยังมีวิธีอื่น ๆ ที่จะช่วยลดภาระดอกเบี้ย เช่น การโปะเงินต้นเมื่อมีเงินก้อนเข้ามา อาทิ ได้รับโบนัส หรือหากผ่อนมาระยะเวลาหนึ่ง เงินเดือนหรือรายได้ที่เพิ่มขึ้นก็จะช่วยให้เราเพิ่มค่างวดให้มากขึ้นได้ เพื่อช่วยตัดเงินต้นได้มากขึ้น เมื่อเงินต้นลดไวขึ้น ดอกเบี้ยก็ลดไปเร็วกว่าเดิม นอกจากจะช่วยลดภาระดอกเบี้ยแล้ว ยังช่วยให้หมดหนี้ไวขึ้นอีกด้วย

ที่มา: ธปท.

พบโปรโมชั่นรีไฟแนนซ์ได้ในงานมหกรรมการเงินกรุงเทพ ครั้งที่ 25 MONEY EXPO 2025 BANGKOK ภายใต้แนวคิด “Resilient Wealth” ที่วารสารการเงินธนาคาร จัดขึ้นในวันที่ 15-18 พฤษภาคม 2568 ชาเลนเจอร์ 2-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี  โดยเปิด 7 โซนบริการด้านการเงินการลงทุนครบวงจร พร้อมขนทัพแคมเปญโปรโมชั่นสุดพิเศษจากธนาคาร/สถาบันการเงิน/บล.บลจ./ บริษัทประกัน/หน่วยงานภาครัฐและเอกชนคับคั่ง พร้อมกิจกรรมสัมมนาจากกูรูชื่อดังแถวหน้าของเมืองไทย  และกิจกรรมความบันเทิงมากมาย

กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว
สินเชื่อส่วนบุคคล อัตราดอกเบี้ย 18-25% ต่อปี
บัตรกดเงินสด อัตราดอกเบี้ย 25% ต่อปี
เงื่อนไขการพิจารณาและอนุมัติสินเชื่อเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด