Skip to content Skip to footer

เผยสถิติสุดช็อกไทยแลนด์แดนดิจิทัล ภัยไซเบอร์โต 125% ธุรกิจโดนโจมตีอันดับ 1 ในอาเซียน

เชื่อหรือไม่ว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างรวดเร็วไม่แพ้ประเทศใดในโลก โดยปัจจุบันประเทศไทยมี GDP ที่มาจากเศรษฐกิจดิจิทัลราว 15% และมีโอกาสจะเพิ่มขึ้นถึง 20% ซึ่งการที่เศรษฐกิจดิจิทัลมีสัดส่วนต่อ GDP สูง หมายถึงชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยจะต้องพึ่งพาเทคโนโลยีดิจิทัลในการใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้น ทำให้ภัยร้ายที่เกิดขึ้นในโลกดิจิทัลก็มากขึ้นตามไปด้วย และสิ่งที่ทำให้น่ากลัวยิ่งขึ้น คือหลายคนอาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องไกลตัว เป็นเรื่องขององค์กรใหญ่ๆ แต่จริงๆ แล้ว มันเหมือนเงาที่คอยตามติดเราทุกคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกดิจิทัลทุกวันนี้

เมื่อพูดถึง หลายคนอาจจะยังไม่เห็นภาพความรุนแรงมากนัก งั้นมาเริ่มกันด้วยตัวเลขที่น่าตกใจกันก่อน จากรายงานล่าสุดของ ฟอร์ติเน็ต ในปี 2025 นี้เอง มีถึง 61% ขององค์กรทั่วโลก ที่กำลังกังวลอย่างหนักเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยและการปฏิบัติตามกฎระเบียบในการใช้งานคลาวด์ หรือกล่าวได้ว่า กว่าครึ่งของบริษัทที่เราอาจเคยใช้บริการ กำลังนั่งไม่ติดกับความเสี่ยงที่มองไม่เห็นนี้

เท่านั้นยังไม่พอ แคสเปอร์สกี้ ยังเปิดเผยสถิติในปี 2024 ที่ผ่านมาว่า เซิร์ฟเวอร์ในประเทศไทยของ ถูกเหล่าร้ายไซเบอร์ “บุก” โจมตีเพิ่มขึ้นถึง 125.91% และที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือ ประเทศไทยของเรานี่แหละ ที่ถูกจัดอันดับว่า ธุรกิจโดนโจมตีด้วย “ฟิชชิ่ง” มากที่สุดในอาเซียน โดยในปี 2024 เพียงปีเดียว มีความพยายามใช้อีเมลล์ฟิชชิ่งหลอกลวงทางออนไลน์ที่พุ่งเป้ามาที่ธุรกิจในไทย กว่า 240,000 ครั้ง ลองจินตนาการดูว่าในขณะที่เราใช้ชีวิตประจำวันทั่วไป มีคนพยายามมาขโมยข้อมูลสำคัญของเราตลอดเวลา

ที่น่าสนใจอีกเรื่องคือ ผู้เชี่ยวชาญมองว่าปี 2025 นี้ เราอาจต้องเผชิญภัยคุกคามสุดล้ำถึง 5 เรื่องด้วยกัน บางเรื่องเราอาจจะคิดไม่ถึงด้วยซ้ำว่าอาจเกิดขึ้นจริง

1. เมื่อ AI กลายเป็น “ผู้ร้าย” อัจฉริยะ : เทคโนโลยี AI ที่เราใช้กันทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นระบบแนะนำภาพยนตร์ยนต์ ไปจนถึง Generative AI สุดล้ำ ก็กลายเป็นเครื่องมือสุดอันตรายในมือแฮกเกอร์ได้เหมือนกัน พวกเขาอาจจะสร้างวิดีโอ Deepfake ที่เนียนจนจับไม่ได้ หรือพัฒนามัลแวร์ AI ที่เรียนรู้ได้เอง โดยไม่ต้องรอคำสั่ง ซึ่งน่ากลัวไม่ต่างกับในภาพยนต์ไซ-ไฟ หลายเรื่อง

2. สารพัดอุปกรณ์ IoT กลายเป็น “ประตู” ให้แฮกเกอร์ : ทุกวันนี้อะไรๆ ก็เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไปหมด ตั้งแต่ Smart Home ยันรถยนต์ไฟฟ้า แต่อุปกรณ์เหล่านี้หลายครั้งถูกออกแบบมาโดยไม่ได้เน้นเรื่องความปลอดภัย ทำให้แฮกเกอร์สามารถ “เจาะ” เข้ามาควบคุมอุปกรณ์ของเราได้ง่ายๆ ลองคิดดูว่า หากวันหนึ่งรถยนต์ของคุณถูกแฮกเกอร์ควบคุม หรือข้อมูลสุขภาพของคุณรั่วไหลเพราะอุปกรณ์ IoT ทางการแพทย์ จะกลายเป็นเรื่องน่ากลัวได้ขนาดไหน

3. คอมพิวเตอร์ควอนตัม… “กุญแจ” ที่ไขรหัสลับทุกอย่าง : เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ควอนตัม กำลังก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ด้วยพลังประมวลผลที่เหนือชั้น มันสามารถ ถอดรหัสข้อมูลที่เข้ารหัส ด้วยวิธีที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ได้อย่างง่ายดาย แม้ว่ามันจะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ปี 2025 นี้แหละ ที่เราควรเริ่มจับตามองมันอย่างจริงจัง เพราะมันอาจจะเปลี่ยนเกมการรักษาความปลอดภัยไปตลอดกาล

4. การโจมตีแบบ “ห่วงโซ่อุปทาน”… เมื่อจุดอ่อนเดียว ทำทั้งระบบล่ม : แฮกเกอร์ไม่ได้โจมตีเป้าหมายหลักโดยตรงเสมอไป พวกเขาอาจจะ “เล่นงาน” ซัพพลายเออร์ หรือผู้ให้บริการที่มีความเชื่อมโยงกับองค์กรใหญ่ๆ แทน การโจมตีแค่ครั้งเดียว อาจส่งผลกระทบต่อหลายบริษัท เหมือนกรณีการโจมตีโปรแกรม SaaS อย่าง Snowflake ที่ทำให้ข้อมูลลูกค้าของ Ticketmaster และ AT&T รั่วไหลไปกว่า 560 ล้านคน

5. “Living off the Land”… โจมตีแบบเนียนๆ โดยไม่ทิ้งร่องรอย : เทคนิคนี้เหมือนโจรที่เข้ามาในบ้านเรา แล้วใช้เครื่องมือที่เรามีอยู่แล้วก่อเรื่อง โดย ไม่ต้องติดตั้งอะไรใหม่ ทำให้ตรวจจับได้ยาก ลองนึกภาพว่าแฮกเกอร์แอบใช้โปรแกรมที่มีอยู่ในคอมพิวเตอร์ของเรา สั่งปิดระบบสำคัญของบริษัท โดยที่เราไม่รู้ตัว จะน่ากลัวขนาดไหน

แล้วเราควรทำอย่างไรดี?

แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ฟังดูแล้วน่ากลัว แต่เราสามารถป้องกันตัวเองจากภัยเหล่านั้นได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือการ “รู้ทัน” และ “เตรียมพร้อม” ในแง่ขององค์กรธุรกิจ ก็จำเป็นต้องลงทุนในระบบป้องกัน พัฒนาบุคลากร และติดตามเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างใกล้ชิด

สำหรับประชาชนทั่วไป ก็ต้อง “ไม่ประมาท” ใช้ชีวิตในโลกออนไลน์อย่างระมัดระวัง ไม่คลิกลิงก์แปลกๆ ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวง่ายๆ ไม่โอนเงินโดยไม่ตรวจสอบบัญชีปลายทางอย่างละเอียด และอัปเดตซอฟต์แวร์ที่ใช้งานอยู่เสมอ โดยเฉพาะแอปพลิเคชั่นโมบายล์แบงกิ้ง และอย่าลืมคาถากันมิจฉาชีพ ที่ควรท่องไว้ให้ขึ้นใจ “ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน” เพราะการป้องกันนั้นดีกว่าการแก้ไขเสมอ

สำหรับใครที่ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองจะรับมือกับภัยไซเบอร์ได้ดีพอ สามารถหาความรู้ เสริมเกราะป้องกันภัยไซเบอร์ได้ในงาน MONEY EXPO 2025 RESILIENT WEALTH วันที่ 15-18 พฤษภาคมนี้ ณ ชาเลนเจอร์ 2-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ที่นอกจากจะมีผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลายแล้ว ยังมีผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันการเงินชั้นนำ และหน่วยงานกำกับดูแล คอยให้ความรู้ด้านการเงิน โดยเฉพาะในเรื่องของการป้องกันเงินของเราอย่างไร ให้ไม่ตกเป็นเหยื่อหรือเป็นเครื่องมือของภัยร้ายในโลกไซเบอร์ได้อีกด้วย

อ้างอิง :
https://moneyandbanking.co.th/2025/156584/
https://moneyandbanking.co.th/2025/161121/
https://moneyandbanking.co.th/2025/158360/
https://moneyandbanking.co.th/2025/158356/
https://moneyandbanking.co.th/2025/167053/

ทั้งนี้สามารถเข้าร่วมกิจกรรมสัมมนา การให้ความรู้และคำแนะนำ ข้อมูลต่าง ๆ จากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญได้ในงานมหกรรมการเงินกรุงเทพ ครั้งที่ 25 MONEY EXPO 2025 BANGKOK ภายใต้แนวคิด “Resilient Wealth” ที่วารสารการเงินธนาคาร จัดขึ้นในวันที่ 15-18 พฤษภาคม 2568 ชาเลนเจอร์ 2-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี  โดยเปิด 7 โซนบริการด้านการเงินการลงทุนครบวงจร พร้อมขนทัพแคมเปญโปรโมชั่นสุดพิเศษจากธนาคาร/สถาบันการเงิน/บล.บลจ./ บริษัทประกัน/หน่วยงานภาครัฐและเอกชนคับคั่ง พร้อมกิจกรรมสัมมนาจากกูรูชื่อดังแถวหน้าของเมืองไทย  และกิจกรรมความบันเทิงมากมาย